อิจิโร ฟุรุยะ เจ้าของร้านนันสึตเต
ผมเริ่มทำธุรกิจราเมงเมื่ออายุได้ 27ปี
โดยก่อนหน้านั้นผมได้แต่ดิ้นรนตะเกียกตะกายโดยไม่มีทั้งจุดหมาย
และไม่รู้จะทำอะไรดี จนมาวันหนึ่งผมได้เห็นภาพในทีวีที่เปลี่ยนชีวิตผม
นั่นก็คือภาพร้านราเมงที่มีคนต่อยืนต่อคิวกันอยู่ ในตอนนั้น
ผมก็คิดว่า “นี่ไง สิ่งที่ฉันต้องการ!” จากนั้นจึงเดินทางไปยังคิวชูเพื่อ
ศึกษาความลับของศิลปะแห่งราเมงในทันที หลังจากที่ตระเวนชิมราเมง
ร้านต่างๆ ในที่สุดผมก็ตกหลุมรักรสชาติราเมงร้านหนึ่งในจังหวัดคุมาโมโตะ
ผมจึงขอศึกษาการทำราเมงที่นั่นโดยทำงานพิเศษที่ร้านเหล้าไปพลางด้วย
1 ปีต่อมาจึงได้เปิด “ร้านนันสึตเต” ที่ฮะดะโนะบ้านเกิดของผม
แต่ทว่า บททดสอบที่แท้จริงกลับเริ่มต้นนับจากนี้ ร้านอยู่ในทำเลไม่ดี
บ่อยครั้งที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย อย่างไรก็ตามผมเชื่อมั่นว่า
“ถ้าผมทำให้รสชาติเฉพาะของนันสึตเตเกิดขึ้นได้ ลูกค้าก็คงจะมาเอง”
จึงได้พยายามวันแล้ววันเล่าเพื่อหารสชาติเฉพาะของตัวเอง จนกระทั่ง
ผมได้ปรุงน้ำซุปกระดูกหมูรสชาติเข้มข้น มัน และไร้กลิ่นเหม็นซึ่งทานกับเส้น
ที่เข้ากับน้ำซุปแล้วราด”มายุ” น้ำมันกระเทียมสีดำสูตรลับเฉพาะที่ทำขึ้น
ผมไม่ลึมความรู้สึกพึงพอใจในวันนั้นเลย
การบอกกันปากต่อปากทำให้ลูกค้าค่อยๆเพิ่มมากขึ้น และยังมีโอกาสออก
ตามสื่อต่างๆอีกด้วย วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังคิดว่า “สงสัยวันนี้ท่าทางจะยุ่ง” พอมองไปนอกหน้าต่างก็ถึงกับตกใจที่เห็น
ลูกค้ารอเข้าคิวอยู่หน้าร้าน! ผมรู้สึกดีใจจริงๆ
ในที่สุดผมก็สามารถค้าหา “รสชาติของนันสึตเต” จนเจอ แต่นี่ยังเป็นแค่การเริ่มต้น เพราะหากทำให้รสชาติผิดเพี้ยนไป
แม้แต่ครั้งเดียวก็อาจทำให้ลูกค้าที่อุตส่าต่อคิวรอทานผิดหวังได้ และยังอาจทำให้ลูกค้าไม่กลับมาทานที่ร้านอีกก็เป็นได้
ผมจึงเข้าใจและรับรู้ถึงความยากลำบากในการรักษารสชาติราเมง
ปี 2003 เราย้ายร้านสาขาใหญ่มาอยู่ ณ ที่ปัจจุบันและเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น
เรื่อยๆ ในปีต่อมาเราได้เปิดสาขา “ชินะทะสึ” ที่หน้าสถานีรถไฟชินะกะวะ
หลังจากนั้นอีก1 ปีก็เปิดสาขาที่อาคารสถานีรถไฟคะวะซะกิขึ้น
ปี 2007 ราเมงของเราได้รับเลือกให้เป็น “สุดยอดราเมงแห่งปี”
3 ปีซ้อนจากนิตยสารโตเกียวรายสัปดาห์สำนักพิมพ์โคดันชะ และได้
รับเชิญออกสื่อต่างๆเป็นจำนวนมาก ในบรรดานั้นสิ่งที่เป็นความ
ประทับใจของเราก็คือ
การที่เราได้ออกโทรทัศน์รายการโจเนะสึ ไทริคุที่เมื่อเดือนพฤษภาคม
ปี 2010 ของสถานีทีบีเอส ในปีนั้นเราได้เปิดสาขาที่สิงคโปร์ ซึ่งบรรดาช่างภาพต่างๆถ่ายภาพทุกอิริยาบทการทำงานของ
พวกเราที่ตรากตรำทำงานเพื่อเปิดร้านนั้นขึ้น
การเปิดสาขาที่ต่างประเทศเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราเติบโตขึ้น และทำให้เราได้ตระหนักอีกครั้งถึงอาหารประจำชาติญี่ปุ่น เสน่ห์และพลังของราเมง นอกเหนือจากนั้นพลังอันแรงกล้าอันใหม่ก็บังเกิดขึ้น นอกจากรสชาติที่ไม่สามารถประนีประนอม ให้ได้แล้ว ยังมีการบริการอย่างแข็งขัน บรรยากาศสถานที่ที่ไร้ซึ่งการวางมาดใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดนี่คือ “รสชาติของนันสึตเต” ผมอยากให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติทั้งหมดนี้! “ขอบคุณ” “จริงใจ” “พลังอันแรงกล้า” “การท้าทาย” “ความกลมกลืน” จากนี้ไป นันสึตเตจะก้าวไปข้างหน้าและให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณเมื่อสมัยเริ่มก่อตั้งธุรกิจดังกล่าวนี้
≫ออกรายการ “โจเนะสึ ไทริคุ” ของสถานีโทรทัศน์ทีบีเอสเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2010 http://www.mbs.jp/jounetsu/2010/05_02.shtml
การเสนอเรื่องราวอย่างใกล้ชิดจนกระทั่งก่อนเปิด ”นันสึตเต” ร้านสาขาต่างประเทศในสิงคโปร์เป็น
สาขาแรก คุณจะเห็นความมีชีวิตชีวาของคุณฟุรุยะทั้งความกระตือรือร้นของฟุรุยะและเรื่องราวไม่คาด
คิดที่เกิดขึ้น ตลอดจนความตื่นเต้นว่ารสชาติราเมงจะเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศได้หรือไม่
ความเปรมปรีดิ์ในความสำเร็จจะถูกนำเสนอเช่นกัน คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
“โจเนะสึโกะโรคุ”
≫อุมัยเสะเบบี้ เด็นเสะซึ (ตำนาน”it’s Tasty, Baby”) เขียนโดยอิจิโร ฟุรุยะ(สำนักพิมพ์อะสะฮิยะ)
งานเขียนครั้งแรกของอิจิโร ฟุรุยะ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยคำพูดจากปากฟุรุยะซึ่งย้อนเล่า เรื่องราวชีวิตกว่าครึ่งศตวรรษตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 20 ที่ไม่รู้จะทำอะไรดี จนเมื่อมาพบกับราเมง ที่ทำให้ชีวิตของฟุระยะพลิกผันไป เป็นต้น